วิเคราะห์เพลง

ภารกิจที่ 7
วิเคราะห์เพลงนิราศ
เพลง : ตะวันรอนที่หนองหาร
ศิลปิน : ศรคีรี ศรีประจวบ  
           โอ้ล่ะเหนอ     โอ๋โอโอโอ้ ล่ะเหนอ     ผู้สาวภูไทใช่มีแต่ที่เรณู   ได้ฮักและที่ได้ฮู้    คือสาวภูไท สกลนคร    ครั้งไปเที่ยวงาน   พระธาตุเชิงชุมได้พบบังอร   เหมือนเคยร่วมบุญปางก่อน    อยู่สุดขอบฟ้าก็มาพบกัน
           แดดอัสดง   ค่ำลงที่ฝั่งหนองหาร  เฮาสองเคยเที่ยวด้วยกัน  มนต์ฮักสายัณห์  สวาทวาบหวาม 
สายลมเฉื่อยฉิว  ทิ้งฝนลิ่วหล่นสาดเสียงกังวาน   เหมือนเสียงใจเฮาสาบาน ให้หนองหารได้เป็นสักขี
          โอ้ละเนอ  หัวใจดังเหมือนต้องมนต์    ท้าวผาแดงและนางไอ่ดล   ให้เจอน้อง ณ.แดนแห่งนี้
พรเจ้าช่วยคุ้ม   ฮักยั่งยืนอย่าได้หน่ายหนี  เหมือนนิยายมี  อยู่คู่หนองหาร  คนขานกล่าวชม
        แดดอ่อนคราวใด  หัวใจพี่สั่นสะท้าน  คิดถึงเคยฮักผูกพัน  คิดถึงหนองหารที่เคยรื่นรมย์
ความหลังฝั่งหนอง  ที่เคยประคอง  นวลน้องแนบชม  หัวใจยังครางระงม    โอ้แม่สาวสกล ที่รัก
ประวัติเพลง
      เพลงตะวันรอนที่หนองหาร เป็นเพลงลำดับที่ 2 อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 2 หนาวลมที่เรณู ของ ศรคีรี ศรีประจวบ  เป็นผลงานการประพันธ์ของ อาจารย์พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา  โดยได้ ศรคีรี ศรีประจวบ เป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังระดับตำนานของวงการลูกทุ่งเมืองไทย จากน้ำเสียงที่หวานหยด จนได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นราชาเพลงหวานหนึ่งเดียวของประเทศ แม้เขาจะบันทึกผลงานเพลงไว้ค่อนข้างน้อย แต่เกือบทุกเพลงก็เป็นที่ติดหูผู้ฟังจวบจนถึงปัจจุบัน และถูกนักร้องรุ่นหลังหยิบมาบันทึกเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าตัวเขาจะจากโลกนี้ไปหลายสิบปีแล้วก็ตาม

จุดประสงค์ในการแต่ง
      เป็นเพลงหยอกกระเซ้ากับเพลงหนาวลมเรณู ที่แต่งโดย อาจารย์สุรินทร์ ภาคศิริเพลงนี้ เป็นหนึ่งในเพลงลูกทุ่งอมตะตลอดกาล เป็นการรำพึงรำพันถึงนางผู้เป็นที่รัก  มีความงดงามทางภาษา บอกเล่าบรรยายออกมาเห็นภาพ  ศรคีรี  ศรีประจวบขับร้องได้ไพเราะจับใจ ฟังซ้ำได้หลายครั้งไม่มีเบื่อ กับลีลาการร้อง มีลูกคอ กับการออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ ที่หาฟังได้ยากจากนักร้องลูกทุ่งปัจจุบัน
การใช้ภาษา
      เพลงตะวันรอนที่หนองหารเป็นเพลงลูกทุ่งอมตะตลอดกาล มีความงดงามทางภาษา บอกเล่าบรรยายออกมาให้ผู้ฟังได้เห็นภาพชัดเจน  บวกกับการขับร้องที่ไพเราะจับใจ การออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ มีการใช้ภาษาอีสานในการขับร้อง
ยกตัวอย่างเช่น   
                         “ ผู้สาวภูไทใช่มีแต่ที่เรณู   ได้ฮักและที่ได้ฮู้    คือสาวภูไท สกลนคร
(ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )
             จากตัวอย่างข้างต้นมีการใช้ภาษาอีสานในการขับร้องที่เห็นได้ชัดเจนคือคำว่า ฮัก ในภาษาอีสาน ภาษาไทยกลางหมายถึง รัก และคำว่า ฮู้  ในภาษาอีสาน ส่วนภาษาไทยกลางหมายถึง รู้ หรือรับรู้
 ในบทเพลงตะวันรอนที่หนองหารยังมีการใช้โวหารเพื่อความงดงามทางภาษามีความไพเราะ สละสลวย บอกเล่าบรรยายออกมาเห็นภาพ  มีการใช้คำไวพจน์คือคำที่มีความหมายเหมือนกัน แต่ใช้ในบริบทต่าง ๆ กัน หรือเรียกอีกอย่างว่า คำพ้องความ ความหมาย
ยกตัวอย่างเช่น  
                  แดดอัสดง   ค่ำลงที่ฝั่งหนองหาร  เฮาสองเคยเที่ยวด้วยกัน  มนต์ฮักสายัณห์  สวาทวาบหวาม
(ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )
                 จากตัวอย่างข้างต้นมีการใช้คำไวพจน์เพื่อความงดงามทางภาษาคือคำว่า อัสดง หมายถึง ตกไป (ใช้แก่พระอาทิตย์)
ยกตัวอย่างเช่น  
    “ครั้งไปเที่ยวงาน   พระธาตุเชิงชุมได้พบบังอร   เหมือนเคยร่วมบุญปางก่อน    อยู่สุดขอบฟ้าก็มาพบกัน
                                                                                             (ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )
                จากตัวอย่างข้างต้นมีการใช้คำไวพจน์เพื่อความงดงามทางภาษาคือคำว่า บังอร หมายถึง หญิงสาว
ในบทเพลงตะวันรอนที่หนองหารยังมีการใช้โวหารเพื่อความงดงามทางภาษามีความไพเราะ สละสลวย บอกเล่าบรรยายออกมาเห็นภาพ  มีการใช้อุปมา คือ การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับสิ่งหนึ่งโดยใช้คำเชื่อมที่มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า เหมือน
ยกตัวอย่างเช่น
สายลมเฉื่อยฉิว  ทิ้งฝนลิ่วหล่นสาดเสียงกังวาน   เหมือนเสียงใจเฮาสาบาน ให้หนองหารได้เป็นสักขี
                                                                                             (ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )
            จากตัวอย่างข้างต้นมีการใช้โวหารเพื่อความงดงามทางภาษามีความไพเราะคือการใช้อุปมาเป็นการเปรียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งในบทเพลงนี้เป็นการเปรียบเสียงฝนที่ตกเสียงดังกังวานเสมือนเสียงหัวใจของเขาและเธอที่ได้สาบานต่อกันโดยให้หนองหารแห่งนี้เป็นพยาน                                             
   คุณค่าด้านสังคม
           จากเนื้อเพลง ตะวันรอนที่หนองหานสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ของความเชื่อ ความศรัทธา และความรักจากบทเพลง
ความเชื่อเรื่องการบุญร่มกันมาแต่ชาติปางก่อน พรหมลิขิตที่ทำให้พบกับคนรัก
ตัวอย่างเช่น
ครั้งไปเที่ยวงาน   พระธาตุเชิงชุมได้พบบังอร   เหมือนเคยร่วมบุญปางก่อน    อยู่สุดขอบฟ้าก็มาพบกัน
                                                                                             (ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )
 ความเชื่อเรื่องการให้คำมั่นสัญญากับคนรัก
ตัวอย่างเช่น
สายลมเฉื่อยฉิว  ทิ้งฝนลิ่วหล่นสาดเสียงกังวาน   เหมือนเสียงใจเฮาสาบาน ให้หนองหารได้เป็นสักขี
                                                                                             (ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )
ความเชื่อเรื่องมนต์คาถาและศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตัวอย่างเช่น
       “หัวใจดังเหมือนต้องมนต์    ท้าวผาแดงและนางไอ่ดล   ให้เจอน้อง ณ.แดนแห่งนี้
พรเจ้าช่วยคุ้ม   ฮักยั่งยืนอย่าได้หน่ายหนี  เหมือนนิยายมี  อยู่คู่หนองหาร 
                                                                                             (ตะวันรอนที่หนองหาร:ศรคีรี ศรีประจวบ )

นางสาวชุลีพร หารยงค์
ภาษาไทยปี 4 หมู่ 1

รหัสนักศึกษา 57210406122

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นิราศ สาวญ้อพลัดถิ่น (2)

เพลงนิราศสาวญ้อพลัดถิ่น